เหล็กรูปพรรณ คือชื่อเรียกรวมๆ สำหรับกลุ่มเหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้าง โดยเหล็กเหล่านั้นได้ผ่านกระบวนการแปรรูปและขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีรีดร้อนและรีดเย็นเพื่อให้ได้รูปทรงหน้าตัดและความยาวที่สามารถนำมาใช้ให้เหมาะสมกับงานโครงสร้าง-ก่อสร้าง ซึ่งแข็งแรงทนทาน ใช้งานสะดวกครอบคลุมทุกขนาดทุกรูปแบบการใช้งาน โดยเหล็กรูปพรรณในยุคปัจจุบันอาจแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ อธิบายและจำแนกได้ดังนี้
1. เหล็กรีดร้อน – เหล็กรูปพรรณรีดร้อน คือเหล็กที่ผลิตโดยการรีดให้มีหน้าตัดและรูปทรงตามที่ต้องการ ใช้ความร้อนในอุณหภูมิ 1,200 องศาในการขึ้นรูปและรีด เมื่อเหล็กที่รีดได้รับความร้อนและเย็นตัวลงจะทำให้เนื้อเหล็กมีความละเอียด มีความเหนียว และทนกำลังสูง เหมาะสำหรับนำไปใช้ในงานโครงสร้างหลักอาคาร งานรับกำลังแรงกดสูง เหล็กประเภทรีดร้อน ได้แก่
- เหล็กเอชบีม (H-beam)
- ไอบีม (I-Beam)
- เหล็กรางน้ำ (Channel)
- เหล็กฉาก (Angle)
- เหล็กไวแฟรงค์ (Wide-Flange)
- เหล็กเพลาขาว (Steel Round Bar)
- เหล็กแบน (Flat Bar)
- เหล็กเส้นกลม (Round Bar)
- เหล็กเส้นข้ออ้อย (Deformed Bar)
2. เหล็กรูปพรรณรีดเย็น – เหล็กรูปพรรณรีดเย็น คือการใช้เหล็กแผ่นดำหรือเหล็กแผ่นชุบสังกะสีในอุณหภูมิปกติ มาทำการขึ้นรูปทรงโดยใช้การพับ ม้วนงอ รีดลดขนาด และเชื่อมเหล็กเข้าด้วยกันให้มีรูปทรงตามต้องการ คุณสมบัติเหล็กประเภทนี้จะเบา แข็งแรง แต่ไม่เหนียวเท่าเหล็กรีดร้อน จึงเหมาะสำหรับงานโครงสร้าง-สถาปัตยกรรมที่ไม่ต้องรับน้ำหนักเยอะ เช่น โครงหลังคา ป้ายบิลบอร์ด เป็นต้น ในปัจจุบันนี้เหล็กรีดเย็นจะมีการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เหล็กรูปพรรณดำ ซึ่งผลิตและขึ้นรูปจากเหล็กแผ่นดำคาร์บอน และ เหล็กรูปพรรณ GI หรือ เหล็กกัลป์วาไนซ์ หรือนิยมเรียกว่าเหล็กขาว ซึ่งผลิตและขึ้นรูปด้วยเหล็กแผ่นชุบสังกะสี การจำแนกรูปทรงของเหล็กรูปพรรณรีดเย็นดำและ GI แบ่งออกได้ดังนี้